ปัจจุบันยังมีคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้ทานค่อนข้างมากเพราะบุญที่ได้บุญมากที่สุดในด้านการให้ทานคงไม่ใช่ได้บุญง่ายๆเพียงแค่ซื้อหนังสือสวดมนต์ให้คนอื่นได้อ่าน บางครั้งการนำเอาหนังสือสวดมนต์บางเล่มไปแจกอาจจะได้บาปกลับมาอีกด้วย หนังสือสวดมนต์บางเล่มดูแล้วอาจจะเป็นธรรมะที่ถูกต้องแต่เนื้อหาบางตอนกลับไม่สอดคล้องกับชื่อเรื่อง ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวอาจจะเกิดจากการตีความผิด หรือการพิมพ์ผิด เช่นการสอนว่า ทำทานให้น้อย ทำบุญอื่นให้มาก หรือการแก้กรรม เป็นต้น หนังสือสวดมนต์หรือหนังสือธรรมะแบบนี้หากเรานำไปแจกให้แก่บุคคลอื่นเราอาจจะได้บาปติดมาด้วยก็ได้
การสร้างหนังสือสวดมนต์นั้นถือว่า เป็นการช่วยให้พระศาสนาดำรงอยู่ได้นานและเป็นการเพิ่มบุญบารมีชนะทานทั้งหลายแต่การกระทำเช่นนี้จะต้องใช้สติปัญญาอย่างมากในการคัดเลือกหนังสือที่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือยึดเอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก หากการนำ คำสอนที่ เป็นมิจฉาทิฏฐิเอาคำสอนอาจารย์ที่ ขัดแย้งกับ คำสอนของพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่แล้วก็ถือว่า เป็นบาปหนา เช่นกัน
แต่หลายๆ บ้านเชื่อว่าก็จะมี หนังสือสวดมนต์ อย่างน้อยไว้บ้านละ 1 เล่มกันอยู่แล้ว เพราะคนไทยอย่างมากก็จะนับถือศาสนาพุทธและมีการสวดมนต์ไหว้พระกันอยู่แล้ว ยิ่งบ้านไหนที่ชอบสวดมนต์ทุกวันเป็นประจำอยู่แล้ว หนังสือสวดมนต์บ้านนั้นก็อาจจะมีถึงขั้นเป็นสิบๆ เล่มเลยทีเดียว ยิ่งผู้ใหญ่บางบ้านอย่างคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย ก่อนนอนก็จะนำหนังสือสวดมนต์มาตั้งไว้เพื่อสวดแล้วนึกถึงเจ้ากรรมนายเวรและส่งผลบุญไปถึงเจ้ากรรมนายเวร ส่งผลบุญให้แก่ลูกหลานในบ้าน หนังสือสวดมนต์จึงเป็นหนึ่งเล่มที่สำคัญสำหรับคนไทยที่ชอบสวดมนต์สามารถนำติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกและง่ายต่อการไปทำบุญที่วัด ถ้าเกิดอยากสวดมนต์แผ่บุญกุศลให้แก่สิ่งใดแต่ไม่รู้ว่าบทสวดสวดอย่างไรเราก็สามารถนำหนังสือสวดมนต์มาเปิดอ่านและท่องตามไปด้วยได้